Lamborghini Temerario Ad Personam คันนี้...แรงก็แรง หล่อก็หล่อ จัดเต็มดีเทลแบบ โคตรเฉพาะตัว!

Lamborghini เปิดตัว Temerario รุ่นพิเศษ ที่ผ่านการปรุงแต่งสุดพรีเมียมจากแผนก Ad Personam เป็นครั้งแรก และบอกเลยว่าคันนี้ไม่ใช่แค่รถ แต่มันคือผลงานศิลปะที่วิ่งได้จริง!
แรงบันดาลใจหลักของคันนี้คือ “แฟชั่นหรูที่แฝงความสง่างามแบบเรียบง่าย” สไตล์ Haute Couture ที่ได้กลิ่นอายของเกาะ Sardinia แห่งเมดิเตอร์เรเนียน กลายเป็นการผสมผสานความสปอร์ตกับความเนี้ยบแบบอิตาเลียนแท้ๆ ที่ถ่ายทอดผ่านทุกดีเทลของรถคันนี้

ภายนอก มาในสีเทาด้าน Grigio Serget ที่ดูสุขุมแต่ทรงพลัง ตัดกับลายเส้น Gloss Black บริเวณด้านล่างตัวรถ ก่อนจะเติมลูกเล่นสีน้ำเงิน Blu Royal เข้าไปเล็กๆ น้อยๆ ตามจุดสำคัญอย่างคาลิเปอร์เบรกหรือขอบล้อ Velador สีดำล้วน มันลงตัวแบบที่คนรักรถเห็นแล้วต้องซูฮก

ชุดแต่งรอบคันยังใช้คาร์บอนไฟเบอร์ลาย Black Gloss Carbon Effect ทั้งหลังคา, ดิฟฟิวเซอร์, สปลิตเตอร์ ไปจนถึงช่องดักอากาศ เพิ่มมิติให้รถดูไฮเทคแต่ยังรักษาคาแรกเตอร์โหดๆ ของลัมโบไว้เต็มที่

ภายใน จัดเต็มในโทนทูโทนสุดเท่ ด้วยหนังสีเทา Grigio Octans ผสมกับผ้าทอ Corsa Tex ที่เน้นความทนทานและลุคสปอร์ต พร้อมแซมด้วยหนังสีน้ำเงินเข้ม Blu Nethuns อย่างมีจังหวะ เบาะนั่งเดินด้ายสีน้ำเงินเข้ม พร้อมโลโก้ Lamborghini ปักไว้บนพนักพิงแบบภาคภูมิ

จุดพีคคือลายปักรูป “Temerario” บนแผงประตูและผนังด้านหลังห้องโดยสาร ที่เสริมด้วยลวดลายธงชาติอิตาลีแบบ Tri-color เล็กๆ แต่มีความหมายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ด้านทั้งบนแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง รวมถึงสวิตช์และพวงมาลัย ที่หุ้มด้วย Corsa Tex เพิ่มความสปอร์ตแบบหรูๆ

CEO อย่าง Stephan Winkelmann ก็ออกมาพูดชัดเจนว่า “Temerario คันนี้แสดงให้เห็นถึงขอบเขตที่แทบไร้ขีดจำกัดของบริการ Ad Personam ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถทุกคนได้ดีไซน์ลัมโบในสไตล์ของตัวเองอย่างแท้จริง”

และแม้หน้าตาจะสะดุดตาขนาดนี้ แต่ใต้ฝากระโปรงก็ไม่ได้น้อยหน้า เพราะ Temerario ยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด PHEV แบบเดียวกับรุ่นปกติ คือเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo ผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว, แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และเกียร์ DCT 8 สปีด แรงรวมทะลุ 907 แรงม้า (920 PS) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.7 วินาที และท็อปสปีดไหลไปที่ 343 กม./ชม. แบบสบายๆ

Temerario รุ่นนี้ไม่ได้มีแค่แรงหรือหล่อ แต่มันสะท้อนปรัชญาใหม่ของ Lamborghini ยุคไฟฟ้า ว่า “การเป็นซูเปอร์คาร์ที่ใส่ใจดีไซน์ รายละเอียด และความเป็นตัวเอง ไม่จำเป็นต้องแลกกับสมรรถนะเลยแม้แต่นิดเดียว”

และถ้าใครอยากเห็นตัวจริง…คงต้องจับตาโชว์รูม Lamborghini ทั่วโลกให้ดีๆ เพราะคันนี้อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้รุ่นพิเศษอื่นตามมาอีกเพียบแน่นอน!