เปิดตัวแล้ว The New Mini Cooper E,SE ออกแบบใหม่หมดครั้งแรกในรอบ 10 ปี!

ใหญ่ขึ้นโตขึ้นออกแบบ sleek ขึ้นในทุกมิติ กับ The next gen Mini รหัส J01 แฮชแบค 3 ประตูหัวใจไฟฟ้าคันนี้ โคมไฟหน้าวงรีล้อมกรอบด้วยหลอด LED ภายในวางไฟเมนแบบใหม่ กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่มาก แต่ดีไซน์แบบปิดเพื่อลดแรงต้านอากาศตามแบบฉบับรถไฟฟ้า เส้นสายบนบอดี้รถเน้นความคมที่ซ่อนอยู่บนพื้นผิวตัวถังที่ราบเรียบไร้เส้นรกสะอาดตา และดู minimal แต่อุดมไปด้วยมัดกล้าม ไฟท้ายถือเป็นดีไซน์ฉีกกฎเดิมๆแบบไม่เหลือเยื่อใย ด้วยทรงสามเหลี่ยมละม้ายคล้ายดวงตา Spider man (555) ส่วนมุมมองด้านท้ายดูมีเหลี่ยมสันแทนที่ความโค้งมนแบบเดิม ตบท้ายด้วยล้อแม็กลายเท่เล่นเส้นสายซับซ้อนลวงตา

ภายในถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ เท่สุดขอยกให้ดีไซน์พวงมาลัยทรงสามก้านที่สวยเฟี้ยวที่สุดเท่าที่เคยมีมา จอกลางออกแบบเป็นทรงกลมเท่ไม่ซ้ำใคร ใช้ระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ Mini Operating System 9 รุ่นใหม่ลํ้าสุดๆที่สามารถปรับโหมดการแสดงผลให้เข้ากับคาร์แรกเตอร์คนขับผ่านการเชื่อมต่อโปรไฟล์ แถมยังสามารถแสดงผลโหมดต่างๆได้หลากหลาย ย้อนยุคสู่หน้าจอ เกจวัดต่างๆของมินิรุ่นคลาสสิคได้อีกด้วย ที่เรียกว่า Mini Experience modes เบาะนั่งหันมาใช้วัสดุสังเคราะห์จากธรรมชาติประเภท Vegan leather แทนที่หนังสัตว์ทั้งหมด เลือกใช้แต่วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ยั่งยืนทั้งหมด โดยมีให้เลือกการตกแต่งภายในทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน
ด้านขุมพลังแบ่งออกเป็น 2 รุ่น Mini Cooper E ใช้มอเตอร์เดี่ยวความจุแบต 40.7 kWh แรงม้า 184 hp แรงบิด 290 Nm วิ่งไกล 305 กม. (WLTP) รุ่นท็อป Mini Cooper SE ใช้มอเตอร์เดี่ยวเหมือนกัน แต่ความจุแบตสูงกว่า 54.2 kWh แรงม้า 218 hp แรงบิด 330 Nm วิ่งไกลถึง 402 กม. ทั้งคู่ Onboard Charger รองรับการชาร์จ AC 11kW, DC 95kW ถ้าชาร์จแบบ DC 0-80% ใช้เวลาตํ่ากว่า 30 นาที!

แฟนๆมินิต้องอดใจรออีกนิด คาดว่าอีกไม่นาน Mini TH เตรียมเปิดตัวแน่!