Cayenne E-Hybrid เดินทางด้วยไฟฟ้าได้ไกลยิ่งขึ้น

Last updated: 19 พ.ย. 2563  |  1932 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Cayenne E-Hybrid  เดินทางด้วยไฟฟ้าได้ไกลยิ่งขึ้น

ปอร์เช่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrids) ยกระดับประสิทธิภาพแบตเตอรี่ high-voltage





คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) เดินทางด้วยไฟฟ้าได้ไกลยิ่งขึ้น

สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่เสริมศักยภาพพิสัยการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้แก่สายพันธุ์สปอร์ต SUV คาเยนน์ (Cayenne) ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrids) โดยสมรรถนะของแบตเตอรี่ high-voltage เพิ่มขึ้นเป็น 17.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง จากเดิม 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งผลต่อระยะทางที่สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เพิ่มสูงขึ้นอีกถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อทดสอบตามมาตรฐาน NEDC (ECE-R101) ปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Porsche Cayenne E-Hybrid) และ เทอร์โบ เอส อี ไฮบริด (Turbo S E-Hybrid) มีพิสัยการเดินทางโดยปราศจากมลพิษสูงสุดถึง 47 กิโลเมตร


ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งได้รับการติดตั้งในคาเยนน์ (Cayenne) ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrids) ทุกคัน รวมทั้งรุ่นตัวถังคูเป้ (coupé) ที่ให้ภาพลักษณ์สปอร์ตเต็มตัว ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ Tiptronic S ให้พละกำลัง สูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) แรงบิด 400 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดเมื่อใช้พลังงานไฟฟ้า เพียงอย่างเดียว ทำได้ที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ต้องการกำลังเพิ่มขึ้น หรือในขณะที่เลือกใช้งาน driving modes ทั้งในโหมด Sport และ Sport Plus ด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น สำหรับ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ประจำการขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุ 3 ลิตร V6 เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) เมื่อผสานการทำงานทั้งสองระบบจะได้กำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) ในส่วนของ คาเยนน์ เทอร์โบ เอส อี ไฮบริด (Cayenne Turbo S E-Hybrid) ให้พละกำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า (404 กิโลวัตต์) จากเครื่องยนต์เบนซิน 4 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ นั่นหมายถึงพลังมหาศาลจะได้รับการปลดปล่อยเมื่อทำงานร่วม กับมอเตอร์ไฟฟ้าถึงกว่า 680 แรงม้า  (500 กิโลวัตต์)





ปรับแต่ง driving modes เพื่อขีดสุดแห่งสมรรถนะ

รูปแบบการขับขี่หรือ driving modes ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นมาตรฐาน พร้อมชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package ผ่านการปรับแต่งใหม่ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเสริมสมรรถนะการขับขี่ ให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น สำหรับ E-Charge mode จะสั่งการให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ชาร์จพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ในระหว่างการเดินทาง ได้ถูกปรับปรุงให้ทำงานอย่างสอดประสานกับรูปแบบการชาร์จในลักษณะต่างๆ เป้าหมายระดับการชาร์จพลังงาน แบตเตอรี่ปรับลดลงจาก 100 เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับการชาร์จโทรศัพท์มือถือ smartphone อัตราการชาร์จ จะลดความเร็ว และลดพลังงานที่ใช้ลง เมื่อความจุหรือ state of charge เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ขั้นตอนดังกล่าว ช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบ recuperation จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ตลอดเวลา นอกจากนี้ E-Charge mode ยังมีศักยภาพที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในส่วนของโหมดการทำงานที่รองรับการขับขี่แบบเน้น สมรรถนะอย่าง Sport และ Sport Plus modes แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จอยู่ตลอดเพื่อรักษาระดับพลังงานสำรอง ไว้ใช้ในการเพิ่มอัตราเร่งยามที่ผู้ขับขี่ต้องการได้อย่างทันทีทันใด ยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพการชาร์จยังถูกยกระดับ ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น แม้ในขณะที่ต้องการพลังงานปริมาณมากอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ย ของกำลังจะอยู่ที่ 12 กิโลวัตต์ ในรุ่น คาเยนน์ เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne Turbo S E-Hybrid) เมื่อเลือกใช้งาน Sport Plus mode

 

ระบบชาร์จพลังงานอัจฉริยะ Porsche Mobile Charger Connect

ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ ชาร์จพลังงานให้แก่รถยนต์ไฟฟ้าของเขา ภายในที่พักอาศัย ดังนั้นแล้ว หัวต่อแบบมาตรฐาน หรือ industrial electrical socket เหมาะสำหรับการชาร์จรถยนต์ปอร์เช่ที่ติดตั้งขุมพลัง ปลั๊กอิน ไฮ-บริด (plug-in hybrid) ทุกคัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น กำลังไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จสูงสุดไม่เกิน 7.2 กิโลวัตต์ นั้นสามารถใช้งานร่วมกับระบบ Porsche Mobile Charger Connect ได้ทันทีผ่านอุปกรณ์ Mode 3 charging cable รวมทั้งสามารถนำไปชาร์จร่วมกับ สถานีชาร์จพลังงานสาธารณะ Mobile Charger Connect มาพร้อมฟังก์ชันการทำงานอันชาญฉลาดมากมาย ระบบตั้งเวลา timer ช่วยให้รถยนต์พร้อมใช้งาน ภายใต้ระยะเวลาที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจงเสริมด้วยฟังก์ชัน pre-defined charging target รวมทั้งสามารถเลือกการทำงานของ air conditioning ล่วงหน้าควบคุมการทำงาน ของฟังก์ชัน ทั้งหมดได้ตามต้องการ ผ่านแอพพลิเคชัน Porsche Connect App


ขยายขอบเขตของประสิทธิภาพการทำงานด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พิเศษ Home Energy Manager โดยระบบ จะทำการรวบรวมข้อมูลอัตราการใช้พลังงานภายในที่พักอาศัยของผู้ขับขี่ทั้งหมด และบริหารจัดการกำลังไฟฟ้าสูงสุด ที่ใช้ในการชาร์จ เพื่อหลีกเลี่ยงการ overloading ของระบบไฟบ้าน

 

ราคา
คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่ (The new Cayenne E-Hybrid) คาเยนน์ เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด ใหม่ (The new Cayenne Turbo S E-Hybrid) คาเยนน์ อี-ไฮบริด คูเป้ ใหม่ (The new cayenne E-Hybrid) คาเยนน์ เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ ใหม่ (The new Cayenne Turbo S E-Hybrid Coupé) พร้อมรับคำสั่งซื้อเเล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา พบข้อมูลข่าวสารสื่อภาพยนต์เเละภาพถ่ายอื่นๆ ได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com)


ติดตามภาพประกอบเนื้อข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com)


อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้


สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร “Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” [Leitfaden über den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ  ทั้งสิ้น

 
เกี่ยวกับ AAS Auto Service

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

AAS Auto Service Co., Ltd. http:dealer.porsche.com/thailand
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร. 02-288-0911

 
Porsche PR Thailand

Public Relations and Media
Wanwisa Chomprasert (Poy)
Phone: +662 522 6655 ext. 448
E-mail: porschepr@porsche.co.th

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้