Last updated: 8 ก.ย. 2568 | 235 จำนวนผู้เข้าชม |
ถึงเวลาที่ตำนานอย่าง 911 Turbo S พลิกหน้าประวัติศาสตร์ เพราะรุ่นปี 2026 มาพร้อมระบบไฮบริดเป็นครั้งแรก และยังคงมาให้เลือกทั้งตัวถังคูเป้และคาบริโอเลต์ เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม เพราะคราวนี้ Weissach ยกเทคโนโลยีจาก GTS รุ่นล่าสุดมาปรับจูนแบบจัดเต็ม โดยเปลี่ยนจาก eTurbo ลูกเดียวเป็น “สอง eTurbos” ช่วยอัดบูสต์ไวกว่าเดิม ดันกำลังรวมไปที่ 701 แรงม้า พร้อมแรงบิด 590 lb-ft ตั้งแต่ 2,300–6,000 รอบ/นาที ตัวเลขนี้มากกว่ารุ่นเดิม 61 ม้า แม้แรงบิดสูงสุดจะเท่ากัน แต่จังหวะตอบสนองคันเร่งไวขึ้นชัด
หัวใจยังคงเป็นบ็อกเซอร์หกสูบ 3.6 ลิตร จับคู่เกียร์ PDK 8 จังหวะที่ซ่อนมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ภายใน ส่งกำลังสู่สี่ล้อผ่านระบบ Porsche Traction Management ส่วนแบตเตอรี่ไฮบริดให้มาที่ 1.9 kWh พอให้ช่วยเสริมพลังและเติมความไวในช็อตที่ต้องการ บนตัวเลขล้วนๆ ผลก็ชัดเจน 0–60 ไมล์/ชม. ทำได้ 2.4 วินาที และ 0–124 ไมล์/ชม. ใน 8.4 วินาที เร็วขึ้นจากรุ่นก่อน 0.2 และ 0.5 วินาทีตามลำดับเมื่อใช้ Launch Control ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 200 ไมล์/ชม. หรือราว 320 กม./ชม. ลดลงเล็กน้อยจากเดิม แต่จังหวะมาและทางตรงยาวยังไงก็ไม่เสียหน้า
น้ำหนักตัวเพิ่มเป็น 3,829 ปอนด์ หรือประมาณ 1,736 กก. หนักขึ้นราว 82 กก. จากอุปกรณ์ไฮบริดที่ใส่เข้าไป แต่ Porsche ยืนยันว่าบนพวงมาลัยคุณไม่รู้สึกว่าอืดลง และ Jörg Bergmeister นักขับ/แบรนด์แอมบาสเดอร์ผู้มีส่วนร่วมพัฒนา ก็การันตีว่ารถใหม่คล่องขึ้น เกาะขึ้น และเร็วขึ้นทุกจุดบนสนาม นั่นคือเหตุผลที่โปรโตไทป์คันพิเศษวิ่งนอร์ดชไลเฟอในช่วงปลายปี 2024 ได้เวลา 7:03.92 นาที เร็วกว่า Turbo S รุ่นก่อนหน้าแบบขาดลอย 14 วินาที
ความเร็วระดับนี้ไม่ได้มาจากกำลังอย่างเดียว เพราะช่วงล่างและแอโรฯ ถูกยกระดับทั้งระบบ ตั้งแต่ Porsche Dynamic Chassis Control แบบอิเล็กโตร-ไฮดรอลิกที่ต่อเข้าระบบไฟ 400 โวลต์ เดียวกับ GTS ทำงานไวกว่าแบบไฮดรอลิกล้วน ลดโคลงและเพิ่มความนิ่งยามเปลี่ยนทิศทาง ต่อด้วยชุดเบรกเซรามิกจัดเต็มจากโรงงาน จานหน้าโต 420 มม. หลัง 410 มม. หน้ากัดถนนด้วยยาง 255/35 ZR20 หลังตบด้วย 325/30 ZR21 ด้านอากาศพลศาสตร์มีบานคุมลมแนวตั้ง ช่องดักลมพร้อมดิฟฟิวเซอร์หน้าแบบแอคทีฟ และสปอยเลอร์ท้ายปรับมุม/ยืดได้ เพื่อบาลานซ์ทั้งการระบายความร้อน แดร็ก และดาวน์ฟอร์ซให้เหมาะกับสถานการณ์ ปิดท้ายด้วยหม้อพักและปลายท่อไทเทเนียมที่ช่วยลดน้ำหนักพร้อมปลุกซาวด์แทร็กรหัส Turbo ให้ดุขึ้น
ห้องโดยสารมาในโทน 992.2 แต่แต่งหน้าทำผมพิเศษสมตำแหน่งเรือธง รายละเอียด Turbonite โผล่รอบคันตั้งแต่พวงมาลัย วงเรือนไมล์ แดชบอร์ด คอนโซลกลาง ไปจนถึงเข็มขัดนิรภัย ตัดกับคาร์บอนไฟเบอร์ใส่เฉด Neodyme และเพดาน Race-Tex สีดำ นั่งจริงจังได้ด้วยเบาะปรับไฟฟ้า 18 ทิศทาง ตัวคูเป้ให้เป็นสองที่นั่งมาเลย แต่ยังสั่งเบาะหลังได้แบบไม่คิดเงิน ส่วนคาบริโอเลต์ให้เป็น 2+2 เท่านั้น ใครอยากให้รถยูนีกที่สุดยังมี Exclusive Manufaktur และโปรแกรม Paint to Sample ให้เลือก พร้อมของเล่นอย่างนาฬิกาโครโนกราฟ COSC จาก Porsche Design ที่ให้คุณ “พก 911 Turbo S ไว้บนข้อมือ” ตามสโลแกนของแบรนด์
ฝั่งราคาในสหรัฐฯ วางขายฤดูใบไม้ผลิปี 2026 ตัวคูเป้เริ่มที่ $270,300 และคาบริโอเลต์ $284,300 ยังไม่รวมค่าขนส่ง $2,350 ภาษีและค่าจดทะเบียน เทียบกับรุ่นก่อนขึ้นมาประมาณ $31,600 และ $32,300 ตามลำดับ ทั้งนี้ผู้ผลิตยังกันช่องไว้เรื่องนโยบายภาษีและภาวะการค้าระหว่างประเทศที่อาจทำให้ MSRP ขยับได้อีก แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณเล็ง Turbo S ที่แรงสุด ใช้งานจริงได้ทุกวัน และพร้อมไปซัดสนามเมื่อใจเรียก รุ่นไฮบริดใหม่นี่แหละตัวท็อปของยุค