เปิดตัวแล้ว Honda Accord e:HEV ใหม่ เพิ่มออปชัน พร้อมปรับราคาถูกลง สูงสุด 70,000 บาท! เริ่ม 1.479 ลบ.

Last updated: 22 ส.ค. 2568  |  360 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เปิดตัวแล้ว Honda Accord e:HEV ใหม่ เพิ่มออปชัน พร้อมปรับราคาถูกลง สูงสุด 70,000 บาท! เริ่ม 1.479 ลบ.

ครั้งนี้ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการยกระดับเพื่อส่งมอบคุณค่าใหม่อีกขั้น พร้อมมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ



● ใหม่ ! ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information - BSI) ในทุกรุ่นย่อย โดยระบบนี้จะใช้เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรที่ติดตั้งอยู่ภายในบริเวณกันชนหลัง เพื่อตรวจจับยานพาหนะที่อยู่ในมุมอับสายตา และแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ระมัดระวัง ผ่านไฟแสดงสถานะบนพื้นผิวของกระจกมองข้าง และถ้าหากมีการเปิดไฟเลี้ยว หลังจากตรวจพบยานพาหนะในตำแหน่งจุดบอด ไฟแสดงสถานะจะกระพริบพร้อมเสียงเตือน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนเลนโดยไม่ทันสังเกต เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกการเดินทาง

● ใหม่ ! ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM) ในทุกรุ่นย่อย

เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ขณะถอยหลัง โดยระบบจะทำการเตือนด้วยเสียงและสัญลักษณ์แสดงบนหน้าจอกลาง เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาของรถขณะถอย ซึ่งระบบนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับถอยหลังในลานจอดรถที่มีรถหนาแน่นและมีมุมอับสายตาจากตำแหน่งของผู้ขับขี่

● ปรับลุคใหม่ ในทุกรุ่นย่อย เพื่อยกระดับความสปอร์ตพรีเมียม ได้แก่

ใหม่ ! กันชนล่าง ด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง สีเดียวกับตัวรถในทุกรุ่นย่อย

ใหม่ ! แถบตกแต่งมุมไฟหน้าสีใสและสีดำในทุกรุ่นย่อย

ใหม่ ! กรอบไฟหน้าสีเดียวกับตัวรถในทุกรุ่นย่อย

ใหม่ ! ช่องดักอากาศข้างกันชนสีดำ ในรุ่น e:HEV RS

ใหม่ ! ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เปลี่ยนจาก สีเงิน  เป็น Gloss Black ในรุ่น e:HEV E

● ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Honda e:HEV – The Exciting Hybrid Drive ดั่งใจ 
ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลังด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ที่มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC มอบพลังการขับเคลื่อนที่ไร้กังวลในทุกเส้นทาง โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 23.3 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101
ในห้องปฏิบัติการ ผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษระดับ Euro 6)

● มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

● มอบการใช้งานที่ง่าย ด้วยหลากหลายเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัยและเทคโนโลยี
การขับขี่* ของรถยนต์ฮอนด้า ใน แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ อาทิ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้ดั่งใจ Google built-in ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้
(Multi-color Ambient Light) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบ
ไร้สาย (Wireless Charger)

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ยังคงพัฒนาภายใต้แนวคิด “Driven by my Accord” โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เป็น
ยนตรกรรมที่ไม่เพียงเป็นพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง แต่เป็นพาร์ตเนอร์ที่พาคุณก้าวไปอีกขั้นในการใช้ชีวิต โดยมุ่งเน้นคุณค่าใน 3 ด้านหลัก ได้แก่

●   Accomplished ความหรูหรา สง่างาม สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จ

●   Revitalize พลังแห่งความสดใส มีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพตลอดการเดินทาง

●   Advance วิวัฒนาการของเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งฟังก์ชันในการใช้งาน เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ
และระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV - The Exciting Hybrid Drive ดั่งใจ  


อัพเกรดความสปอร์ตพรีเมียมที่สัมผัสได้ตั้งแต่แรกเห็น
แนวคิดการออกแบบ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ไม่เพียงมุ่งเน้นความหรูหราสง่างาม แต่ยังสะท้อนสมรรถนะการขับขี่ที่ดีและมอบความมั่นใจ โดยออกแบบภายใต้แนวคิด “Creative Black Tie” ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ที่เป็นทางการ แต่ก็แฝงด้วยลูกเล่นที่สนุกสนาน สะท้อนถึงการออกแบบ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ให้มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ลงตัวด้วยความเป็นสากลและความมีเอกลักษณ์ ดีไซน์ตัวรถด้านหน้าที่ดูเฉียบคม แข็งแกร่ง เชื่อมต่อกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ยังคงเอกลักษณ์การใช้เส้นสายแนวนอน เพื่อเน้นโครงสร้างตัวถังในคอนเซ็ปต์ Low & Wide  ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูปราดเปรียว สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ดึงดูดทุกสายตา

●      ใหม่ ! กันชนล่าง ด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง สีเดียวกับตัวรถ ในทุกรุ่นย่อย

●      ใหม่ ! แถบตกแต่งมุมไฟหน้าสีใสและสีดำในทุกรุ่นย่อย

●      ใหม่ ! กรอบไฟหน้าสีเดียวกับตัวรถในทุกรุ่นย่อย

●      ใหม่ ! ช่องดักอากาศข้างกันชนสีดำ ในรุ่น e:HEV RS

●      กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต โดดเด่นด้วยแพตเทิร์นที่มีมิติ สะกดทุกสายตา

●      ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED

●      ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED

●      กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ

●      กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

●      ระบบเปิด - ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

●      เสาอากาศครีบฉลาม

●      ใหม่ ! ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เปลี่ยนจาก สีเงิน เป็นสีดำ Gloss Black (รุ่น e:HEV E)

●      ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำ Gloss Black (รุ่น e:HEV EL) และขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต
สีดำ Matte Black (รุ่น e:HEV RS)



เอ็กซ์คลูซีฟกว่าใครกับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS

●   ใหม่! ช่องดักอากาศข้างกันชน เปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีดำ เพื่อเสริมความดุดันและสปอร์ตให้กับด้านหน้าของตัวรถ

●   ใหม่ ! กันชนล่างด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังสีเดียวกับตัวรถ ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง

●   ใหม่ ! แถบตกแต่งมุมไฟหน้าสีใสและสีดำ  

●   ใหม่ ! กรอบไฟหน้าสีเดียวกับตัวรถ กับสัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้าและด้านท้าย

●   หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา เปิดมุมมองที่กว้างขวาง ยกระดับสุนทรียภาพในการเดินทาง

●   ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential

●   ไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก

●   กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ สีดำแบบสปอร์ต

●   เสาอากาศครีบฉลามสีดำแบบสปอร์ต

●   สปอยเลอร์หลังสีดำแบบสปอร์ต

●   ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว เสริมความสปอร์ตหรูด้วยสีดำ Matte Black

●   ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และชุดตกแต่งภายในสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และสีดำ Piano Black

ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง หรูหรา ประณีตทุกรายละเอียด
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย โดยได้รับการออกแบบเพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดี โดยเน้นการส่งมอบคุณภาพระดับพรีเมียมภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ Comfort ที่เน้นให้ทุกองค์ประกอบเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว เช่น
แผงด้านหน้าและแผงประตู ที่เชื่อมต่อกันในแนวนอน Intelligence หรือการจัดวางฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น สะดวกสบาย เช่น การจัดการข้อมูลบนหน้าจอ Display Audio ที่มีขนาดใหญ่ให้อยู่ตรงกลาง และ Advance
ความเรียบหรูล้ำสมัย เช่น การออกแบบบริเวณแผงคอนโซลกลางหรือที่วางแขน ให้สะท้อนภาพลักษณ์ที่มีระดับ
ของรถ ผสานด้วยการใช้ finishing ที่ให้ความหรูหรา ประณีต เสริมด้วยการใช้วัสดุบุนุ่มในจุดที่มีการสัมผัสบ่อย
มอบความสะดวกสบายและผ่อนคลายภายในห้องโดยสาร ด้วยพื้นที่ช่วงขาและช่วงเข่าที่กว้างขวาง และพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน

●   ปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 แบบ

●   ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย

●   ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) โดยสามารถเลือกโหมดการเปลี่ยนสีของไฟได้ ดังนี้

o  โหมด Recommended Color ไฟจะสามารถปรับเปลี่ยนสีได้โดยอัตโนมัติตามชุดสีที่เลือก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

o  โหมด Theme Color ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับไฟสีที่ต้องการได้ โดยมีสีให้เลือก 10 เฉดสี

●   ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

●   เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง

●   ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ

●   เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

●   ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

●   ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card
(รุ่น e:HEV RS)

●   ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

●   ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง


ปลดล็อกทุกเส้นทางสู่ประสบการณ์ขับขี่ที่ลงตัว เพื่ออิสระของการใช้ชีวิต
ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด Honda e:HEV - The Exciting Hybrid Drive ดั่งใจ ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลัง ด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว โดยระบบจะมอบสมดุลระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง แรง ตอบสนองดั่งใจ มอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง
23.3 กม./ลิตร ให้คุณเดินทางได้ไกล ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง  97 กรัม/กิโลเมตร ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด โดยระบบจะเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับระดับของแบตเตอรี่ สภาพถนน และพฤติกรรมในการขับขี่ ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่

⮚      โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ทำงานขณะออกตัว หรือขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ/ปานกลางคงที่ โดยมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ในขณะที่เครื่องยนต์
ยังหยุดทำงานอยู่ มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ และให้ความเงียบเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง

⮚     โหมดการขับขี่แบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักในการขับเคลื่อน
โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว
และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเพิ่มความเร็วหรือเร่งแซง

⮚     โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์
โดยชุดล็อกอัพคลัชท์ที่อยู่ในเกียร์อัตโนมัติ E-CVT จะเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ลดการสูญเสียพลังงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่

⮚     นอกจากนี้ ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้น
ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration)

●      ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ช่วยให้ควบคุมการชะลอความเร็วได้อย่างง่ายดายถึง 6 ระดับโดยไม่ต้องเหยียบแป้นเบรก เหมาะสำหรับการปรับระยะห่างระหว่าง
รถคันหน้า ลดความเร็วเมื่อเข้าสู่แยกไฟจราจร หรือช่วงทางลงเขา ให้ทั้งความสนุกในการขับขี่และสามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้พร้อมกัน

●      สวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ เพียงกดปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่สามารถเลือกรูปแบบการทำงานของระบบส่งกำลัง ปรับระดับน้ำหนักของพวงมาลัย ระบบ Adaptive cruise control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ อีกทั้งโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และ โหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)

●      สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้
ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า พร้อมทั้ง Charge Mode ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาที ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยโหมด EV สามารถใช้ในการขับขี่
ช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น

 

มั่นใจด้วยที่สุดของเทคโนโลยีความปลอดภัยที่พร้อมดูแลคุณในทุกการขับขี่

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

●   ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้าในการทำงาน โดยระบบจะช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว เมื่อมีการตรวจจับว่ารถยนต์คันหน้า จักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
โดยระบบจะทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 5 กม./ชม. ขึ้นไป

●   ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว
72 - 180 กม./ชม.

●   ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร โดยระบบจะทำงานที่ความเร็ว 72 – 180 กม./ชม.

●   ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความ
เร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยใช้เรดาร์และกล้องด้านหน้าทำงานร่วมกันในการตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง โดยระบบตั้งค่าได้ที่ความเร็ว 30 – 180 กม./ชม. และระบบยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC ที่เลือก

●   ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า

●   ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

ระบบจะปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา อัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่
ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของไฟสูงที่ความเร็วมากกว่า 10 กม./ชม. เพื่อลดการรบกวนรถยนต์ด้านหน้าหรือรถที่กำลังสวนทางมา

●   ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง
เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า โดยระบบจะตรวจจับรถที่หยุดด้านหน้าในระยะ 10 เมตร

 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย

●      ใหม่ ! ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information - BSI) ในทุกรุ่นย่อย

●      ใหม่ ! ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM) ในทุกรุ่นย่อย

●      ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

●      ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

●      ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)

●      ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)

●      ถุงลม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า

●      เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

●      ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

●      ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง

 

คอนโทรลทุกอย่างได้ สะดวกสบายกว่าที่เคย เชื่อมต่อคุณกับรถได้อย่างไร้รอยต่อ

●   ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมแอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว อย่าง Google Assistant, Google Maps และแอปอื่น ๆ อีกมากมายจาก Google Play ในรถยนต์ของคุณเพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบมีผู้ช่วยที่ราบรื่นและปรับเปลี่ยนได้ในแบบของคุณ ประกอบด้วย

⮚     Google Assistant เมื่อมี Google Assistant คุณก็ทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนหรือ
ละมือจากพวงมาลัย โทรหรือส่งข้อความหาเพื่อน ตั้งการช่วยเตือน หรือแม้แต่เปลี่ยนอุณหภูมิในรถได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังนำทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป หรือสำรวจละแวกใกล้เคียงได้ จะข้ามไปที่เพลงถัดไป หรือย้อนฟังพอดแคสต์ก็สบายด้วยแอปสื่อที่คุณชื่นชอบ เพียงแค่พูดว่า "Ok Google" หรือกดปุ่มเสียงบนพวงมาลัยเพื่อเริ่มต้นใช้งาน ประกอบด้วย

o ขอเส้นทางและข้อมูลในพื้นที่

หาคำตอบเกี่ยวกับธุรกิจ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวได้โดยง่าย รวมถึงเวลาทำการ ข้อมูลสภาพการจราจร และเส้นทางจาก Google Maps คุณยังเพิ่มจุดหยุดพักระหว่างทางเพื่อแวะซื้อกาแฟขณะเดินทางได้ด้วย เปิดคำแนะนำแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวไปยังจุดหมายใหม่หรือเช็คสภาพการจราจรที่ไม่คาดคิดระหว่างการเดินทาง ตลอดจนตรวจสอบเวลาถึงโดยประมาณ

o ติดต่อสื่อสารด้วยการโทรและการส่ง SMS

Google ช่วยให้คุณติดต่อคนสำคัญได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ติดต่อสื่อสารและติดตามข้อความตลอดจนสายเรียกเข้าและตอบกลับได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องจับโทรศัพท์

o เต็มอิ่มกับความบันเทิง

พูดกับ Google และใช้เวลาในรถได้อย่างเพลิดเพลินด้วยการเข้าถึงสื่อที่คุณชื่นชอบแบบ
แฮนด์ฟรี ฟังเพลงโปรด พอดแคสต์ สถานีวิทยุ หนังสือ และอีกมากมาย* คุณสามารถข้ามเพลงหรือกรอไปข้างหน้า และปรับระดับเสียงได้ด้วย ค้นหาตามศิลปิน หาเพลงฟังให้เข้ากับอารมณ์ ตลอดจนฟังพอดแคสต์หรือหนังสือต่อจากจุดที่ฟังค้างไว้ได้โดยง่าย

o ควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถแบบแฮนด์ฟรี

ประสบการณ์การขับขี่ของคุณจะมีประสิทธิภาพและง่ายขึ้นเมื่อใช้เสียงควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถและรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขณะขับรถ พูดกับ Google เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ระบบละลายฝ้า ตรวจสอบว่ารถมีน้ำมันพอไปถึงจุดหมายหรือไม่ และอื่น ๆ

o จัดการสิ่งต่าง ๆ

ขอให้ Google ช่วยจดจำสิ่งต่าง ๆ และขอข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันของคุณ รับข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศล่าสุด กิจกรรมที่กำลังจะมาถึง และอื่น ๆ  ทำสิ่งต่าง ๆ ในปัจจุบันให้เสร็จได้โดยง่ายและตั้งการช่วยเตือนสำหรับสิ่งที่ต้องทำในภายหลัง

o ช่วยทำสิ่งต่าง ๆ ทั้งใน Google และนอกรถจนสำเร็จ

Google ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับแอปโปรดและอุปกรณ์คู่ใจเพื่อให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นตลอดทั้งวัน ให้การเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะที่ใช้ร่วมกันได้เป็นเรื่องง่าย เพื่อให้คุณขับรถได้อย่างสบายใจ

⮚     Google Maps ช่วยให้คุณเดินทางสู่จุดหมายต่อไปได้เร็วขึ้นด้วยข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ และคำแนะนำช่องทาง ขณะที่ฟังเพลงโปรดไปด้วยได้ ให้ Google Assistant ช่วยนำทางคุณกลับบ้าน ค้นหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด หรือบอกเวลาทำการของร้านค้า เพื่อให้คุณโฟกัสกับการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนหรือปล่อยมือจากพวงมาลัย เพียงพูดว่า
"Ok Google" หรือกดปุ่มเรียกใช้งานบนพวงมาลัยเพื่อเริ่มต้นใช้งาน

⮚     Google Play ช่วยให้คุณดาวน์โหลดแอปโปรดไว้ในรถได้ง่าย ๆ เหมือนเวลาดาวน์โหลดในโทรศัพท์
จะฟังเพลงโปรด พอดแคสต์ หนังสือเสียง และอื่น ๆ ก็ทำจากรถโดยตรงได้สบาย ๆ

หากต้องการดาวน์โหลดแอปสื่อ ให้ตรวจสอบว่ารถจอดอยู่กับที่ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ และลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google แล้วเริ่มต้นใช้งานด้วยแอปที่เราชื่นชอบ

YouTube Music - สร้างสุดยอดเพลย์ลิสต์สำหรับฟังระหว่างขับรถ

Spotify - เข้าถึงเพลงนับล้านสำหรับทุกอารมณ์

Google Play Books - เลือกจากหนังสือขายดีหลายล้านเรื่อง

NPR One - ข่าวและนิตยสาร

Radio.com - สตรีมวิทยุหลายร้อยสถานี

iHeartRadio - วิทยุ พอดแคสต์ และเพลงออนดีมานด์

Audioburst - ไฟล์เสียงสั้นๆ ที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ

Pocket Casts - โปรแกรมเล่นพอดแคสต์

●      ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto

●      ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

●      มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งเป็นจอแบบ Full Graphic LCD ที่สามารถแสดงผลทั้งการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ข้อมูลการขับขี่ และข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถ ในรูปแบบของกราฟิกขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลการทำงานของ Maps ได้เต็มหน้าจอ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบาย

●      ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

●      อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

●      ล้ำสมัยกับฟังก์ชันการ​อัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air (OTA) ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถ
อัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้ ผ่านทางระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เพิ่มความสะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องเข้าไปยังศูนย์บริการ

●      ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT พร้อมเทคโนโลยี Digital Key

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมราคาใหม่ และมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

●   รุ่น e:HEV E               ราคา 1,479,000 บาท

●   รุ่น e:HEV EL              ราคา 1,599,000 บาท

●   รุ่น e:HEV RS             ราคา 1,729,000 บาท

 สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)  สีเทาเมทิเออรอยด์
(เมทัลลิก)  และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

เสริมความมั่นใจในการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้าน e:HEV (e:HEV Expert) จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้