Daihatsu Move 2025 กลับมาแล้ว! หายไป 2 ปีเต็มเพราะดราม่าความปลอดภัย ล่าสุด Move เจนใหม่กลับมาแบบเปลี่ยนลุคหมดจด

Last updated: 6 มิ.ย. 2568  |  194 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Daihatsu Move 2025 กลับมาแล้ว! หายไป 2 ปีเต็มเพราะดราม่าความปลอดภัย ล่าสุด Move เจนใหม่กลับมาแบบเปลี่ยนลุคหมดจด

หลังจากหายหน้าหายตาไปสองปีเต็ม เจ้ากล่องจิ๋วแดนปลาดิบอย่าง Daihatsu Move ก็กลับมาอีกครั้งแบบมีอะไรใหม่ให้พูดถึงเยอะเลย! ใครที่รอคอยการคัมแบ็กของรถ Kei Car สุดน่ารักคันนี้ บอกเลยว่าคุ้มกับการรอ เพราะเจเนอเรชันที่ 7 นี้ มาแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งคัน แถมยังเพิ่ม “ประตูสไลด์” ที่ทุกคนอยากให้มีมานานเข้าไปด้วย!

จริง ๆ แล้วเจ้า Move รุ่นใหม่ควรจะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2023 แล้ว แต่ก็โดนพิษข่าวฉาวด้านความปลอดภัยในวงการรถญี่ปุ่นเข้าไป ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวออกไปยาว ๆ กว่าจะได้ฤกษ์กลับมาก็ปาเข้าไปปี 2025 ซึ่งตอนนี้พร้อมขายเต็มรูปแบบแล้วในญี่ปุ่น ใครอยู่ที่นั่นสั่งได้เลย



รูปลักษณ์ภายนอกคือสวยขึ้นแบบเห็นได้ชัด หน้าตาดูทันสมัยมากขึ้น มีไฟหน้าเรียว ๆ กระจังหน้าแบบเป็นมิตร และกันชนหน้าดูเท่แต่ไม่เว่อร์ ด้านข้างเส้นสายคมชัดขึ้น แถมมุมกระจกยังทำทรง wrap-around ที่ให้ความรู้สึกคล้ายรถครอบครัวยุโรปยุคใหม่เลย ส่วนด้านหลังก็มาในสไตล์มินิมอลขึ้นกับไฟท้ายทรงตัว L และกันชนท้ายที่มีดีเทลแบบช่องระบายอากาศปลอมเล็ก ๆ ทำให้ดูมีมิติขึ้นเยอะ

จุดเด่นที่ทุกคนต้องพูดถึงคือ ประตูสไลด์หลัง ที่มีมาให้ทุกรุ่นย่อย ยกเว้นรุ่นล่างสุด (L grade) ซึ่งไม่ใช่แค่สไลด์ธรรมดา เพราะเป็นแบบ power sliding door พร้อมระบบแตะเปิดปิดแสนสะดวก แอบแซ่บไม่เบา! เรียกว่าเอาใจสายครอบครัว คนเมือง และคนที่ชอบความสะดวกในการขึ้นลงรถในพื้นที่แคบสุด ๆ



ภายในก็ออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริงจัง ไม่ได้เน้นหรูแต่เน้นใช้ได้จริง มีที่เก็บของสารพัด ช่องเยอะ เบาะหน้านอนราบได้ คู่กับเบาะหลังที่ปรับเอนได้ กลายเป็นโซฟานอนกลางวันแบบง่าย ๆ เผื่อใครอยากพักรถระหว่างเดินทาง หรือจะค้างคืนในรถก็พอไหว

ขุมพลังยังคงอยู่ในกรอบ Kei Car ของญี่ปุ่นด้วยเครื่องยนต์ 658 cc มีสองเวอร์ชันให้เลือก คือแบบธรรมดา 52 แรงม้า กับรุ่น RS ที่ใส่เทอร์โบมาให้ กำลังเพิ่มเป็น 64 แรงม้า พร้อมช่วงล่างที่เซ็ตมาให้สปอร์ตขึ้น ใส่ล้อ 15 นิ้วแบบเท่ ๆ ขับมันขึ้นแน่นอน แม้จะยังเป็นเกียร์ CVT และมีให้เลือกทั้งขับสองกับขับสี่ก็ตาม



ราคาก็ยังคงน่ารักมาก เริ่มต้นที่ราว ¥1.35 ล้านเยน หรือประมาณ 9,500 ดอลลาร์ (คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณสามแสนกว่าบาท!) และรุ่นท็อปขับสี่เทอร์โบก็ยังไม่เกิน 15,000 ดอลลาร์ เรียกได้ว่าได้ทั้งความคิวท์ ความล้ำ และความคุ้มในคันเดียว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้