มินิ ประเทศไทย ส่งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ สานต่อดีเอ็นเอรถแข่งพันธุ์แท้สไตล์มินิ

Last updated: 22 เม.ย 2563  |  1016 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มินิ ประเทศไทย ส่งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ สานต่อดีเอ็นเอรถแข่งพันธุ์แท้สไตล์มินิ

มินิ ประเทศไทย ส่งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ สานต่อดีเอ็นเอรถแข่งพันธุ์แท้สไตล์มินิ

 

 

กรุงเทพฯ. มินิ ประเทศไทย เปิดตัว มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี เจเนอเรชั่นที่ 3 ส่งความแรงเต็มพิกัดสู่แฟน ๆ ชาวไทย สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คด้วยมินิที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ มอบความสปอร์ตทรงพลังและความปราดเปรียวไม่ซ้ำใครในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ สานต่อตำนานรถแข่งที่ขับเคลื่อนด้วยแรงบันดาลใจจากจอห์น คูเปอร์ นักออกแบบรถแข่งฟอร์มูลา วันผู้ทรงอิทธิพล นับตั้งแต่การปรากฎโฉมของมินิรุ่นคลาสสิกครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อน โดยมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ จะมาในจำนวนจำกัดเพียง 30 คันเท่านั้น และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในวันพุธที่ 22 เมษายน 2563 เวลา 20.00 น. ทาง www.facebook.com/MINI.Thailand/


คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “รถยนต์ในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ นับเป็นที่สุดของการขับขี่สไตล์โกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ ซึ่งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี นับเป็นรุ่นที่สะท้อนจิตวิญญาณที่แท้จริงของคอนเซ็ปต์นี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด พร้อมเสริมความสปอร์ตด้วยรูปลักษณ์แข็งแกร่งทรงพลัง ที่นอกจากจะเพิ่มความสะดุดตาในด้านดีไซน์แล้ว ยังมีการพัฒนาประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น เรามั่นใจว่ามินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่นี้ จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มาสร้างตำนานในดวงใจของเหล่าสาวกมินิอย่างแน่นอน”

 

ปรากฏการณ์ความทรงพลังกับเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo พร้อมเสริมสมรรถนะรอบด้าน

 

 

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ มอบสมรรถนะเต็มพิกัดด้วยแรงบันดาลใจจากโลกมอเตอร์สปอร์ต เสริมประสิทธิภาพให้แก่เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เจเนอเรชั่นล่าสุด พร้อมยกระดับรายละเอียดเครื่องยนต์อีกมากมายที่เหนือกว่ามินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์รุ่นอื่น ๆ เทอร์โบชาร์จเจอร์ รวมทั้งเพลาข้อเหวี่ยง ลูกสูบ หัวฉีดน้ำมัน และอ่างน้ำมันเครื่อง ล้วนได้รับการพัฒนาใหม่เพื่อมอบการตอบสนองที่เฉียบคมทันใจทุกครั้งที่แตะคันเร่ง พร้อมเพิ่มการส่งพลังอย่างต่อเนื่องขณะโลดแล่นด้วยความเร็วสูง


มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ ส่งพละกำลังสูงสุด 225 กิโลวัตต์ / 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.2 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอกย้ำความเร็วเต็มพิกัดด้วยเสียงเครื่องยนต์สุดเร้าใจจากระบบไอเสียที่ออกแบบมาให้มีโทนเสียงเฉพาะตัว เพื่อแสดงถึงสมรรถนะอันโดดเด่นของมินิ จอห์น
คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี


สิ่งหนึ่งที่เครื่องยนต์สมรรถนะสูงขาดไม่ได้คือระบบการควบคุมอุณหภูมิที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบระบายความร้อนของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของรถแข่งอย่างแท้จริง
มาพร้อมหม้อน้ำ 2 ช่องสำหรับหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ถังพักน้ำหล่อเย็นขนาดใหญ่ขึ้น ระบบเก็บน้ำยาหล่อเย็นที่ออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ และพัดลมไฟฟ้าเสริมประสิทธิภาพการทำงานยิ่งขึ้นเพื่อควบคุมอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตลอดเวลา แม้ขณะบรรทุกน้ำหนักมากหรือขณะขับขี่แบบสปอร์ตสุดขั้ว นอกจากนี้ เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะที่มีระบบระบายความร้อนแยกต่างหาก เสริมศักยภาพการทำงานระหว่างระบบการขับขี่และอัตราทดเกียร์ให้ดียิ่งขึ้น ระบบเกียร์แบบใหม่ยังช่วยเสริมความสปอร์ตให้กับการเปลี่ยนเกียร์ด้วยปุ่มเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้า หรือหากต้องการเปลี่ยนไปขับขี่ด้วยเกียร์ธรรมดาก็สามารถทำได้โดยใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย
 

ระบบช่วงล่างของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ มาพร้อมอีกมิติของการขับขี่สไตล์โกคาร์ทด้วยการพัฒนาด้านหลักจลนศาสตร์ของล้อและเพลา เสริมความคล่องตัวด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้นและตัวรถที่ต่ำลง
10 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์รุ่นอื่น ๆ พร้อมพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวถัง ระบบเบรกแบบสปอร์ตการันตีประสิทธิภาพการลดความเร็วได้อย่างสม่ำเสมอในทุกสภาพการใช้งาน มาพร้อม
คาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบบริเวณล้อหน้า และคาลิเปอร์เบรกลูกสูบเดี่ยวแบบลอยบริเวณล้อหลัง

 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) มาพร้อมโหมด GP ที่สามารถเริ่มใช้งานได้เพียงเปิดสวิตช์ โดยจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพระหว่างระบบเบรกและระบบการควบคุมเครื่องยนต์ ทำงานควบคู่กับระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ mechanical เพื่อรองรับการควบคุมที่ฉับไวยิ่งขึ้น ซึ่งสวิตช์ที่ใช้ควบคุมระบบเสถียรภาพการขับขี่ ยังสามารถใช้ปิดระบบ DSC ได้อีกด้วย

 

ดีไซน์โดดเด่น เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแอโรไดนามิกส์

 

 

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ มาในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์สะกดสายตาด้วยลุครถแข่งพันธุ์แท้ ที่ไม่เพียงโดดเด่นในด้านรูปโฉมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่อย่างเสถียรภาพและความแม่นยำในการควบคุมรถยนต์ในสภาวะการขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวสูง ตัวถังได้รับการออกแบบมาเพื่อชูความสมมาตรระหว่างหลักอากาศพลศาสตร์และการไหลเวียนของอากาศเพื่อระบายความร้อนในเครื่องยนต์และระบบเบรก โดดเด่นด้วยสปอยเลอร์บนหลังคาแบบปีกคู่ พ่วงกับดีไซน์กระโปรงหน้าแบบ Blackband และขอบสปอยเลอร์หน้า ที่ทำงานร่วมกันในการลดแรงยก ทำให้แรงยกบริเวณซุ้มล้อหน้าและซุ้มล้อหลังลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์รุ่นอื่น ๆ

 
ลักษณะดีไซน์อันโดดเด่นของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ที่มีความสำคัญในด้านอากาศพลศาสตร์ ยังรวมถึงซุ้มล้อที่กว้างออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนยางสำหรับขับขี่บนสนามแข่งที่ใหญ่กว่าล้อปกติ และช่องดักลมด้านข้างตัวรถ โดยวัสดุที่ใช้บริเวณซุ้มล้อ ประกอบไปด้วยโครงสร้างเทอร์โมพลาสติกด้านใน ผสาน
คาร์บอนไฟเบอร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านนอก(CFRP) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่นำวัสดุสองประเภทดังกล่าวมาใช้ร่วมกันโดยผ่านกระบวนการผลิตแบบพิเศษ นอกจากนี้ยังได้มีการพิมพ์หมายเลขลำดับการผลิตที่เปรียบเสมือนหมายเลขประจำตัวนักแข่งรถในสนาม

 
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว (8.0 J × 18) ซึ่งมีน้ำหนักไม่ถึง 9 กิโลกรัม และมาพร้อมยางสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่


สะดุดตาด้วยเอกลักษณ์ความสปอร์ตไม่ซ้ำใคร



รูปโฉมที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์ในตำนานได้ของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่
สื่อถึงสมรรถนะความทรงพลังผสานด้วยเส้นสายการดีไซน์ที่เฉียบคม มาในตัวถังสีเทา Racing Grey metallic ตัดกับหลังคาและฝาครอบกระจกสีเงิน Melting Silver metallic ชิ้นส่วนกันชนด้านหน้า รวมทั้งด้านหลังที่มาพร้อมไฟตัดหมอกในตัว ได้รับการออกแบบในรูปทรงแปลกใหม่ เสริมความสะดุดตาด้วยแผงกระจังหน้าลวดลายทรงหกเหลี่ยม
โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยช่องรับอากาศด้านล่างและด้านในสปอยเลอร์บนหลังคาในสีแดงเงา Chili Red โลโก้ GP อันเป็นเอกลักษณ์ในสีแดง Rosso Red metallic matt ปรากฎอยู่บนตำแหน่งต่าง ๆ ทั่วทั้งรถ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้ารถ ท้ายรถ ด้านนอกของสปอยเลอร์หลังคา ขอบประตู และสเกิร์ตด้านข้าง


กรอบไฟหน้า กระจังหน้า ไฟท้าย ฝาถังน้ำมัน มือจับประตู ชุดแต่งบนกระโปรงหน้า และโลโก้มินิทั้งหน้ารถและท้ายรถ มาในสีดำสร้างคอนทราสต์ตัดกับส่วนอื่น ๆ ของตัวรถอย่างชัดเจน สอดรับกับโคมไฟหน้าสีดำและไฟท้ายดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คสีดำเช่นกัน เน้นย้ำถึงความสปอร์ตสุดขั้วของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่

 
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะสองที่นั่ง ลดการติดตั้งวัสดุกันเสียงเพื่อลดน้ำหนักของตัวรถ มอบความรู้สึกสปอร์ตดุดันเช่นเดียวกับรถแข่ง มาพร้อมเบาะหนังแท้ Dinamica แบบสปอร์ตในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขอบเบาะสีเงินตัดกับตะเข็บสีแดง ตกแต่งด้วยตรา GP ด้านล่างพนักพิงศีรษะและสายเข็มขัดสีแดง แผงคอนโซลบริเวณที่นั่งผู้โดยสารปรากฏเลขแสดงลำดับการผลิตของรถแต่ละคันจากการพิมพ์แบบสามมิติ เสริมความพิเศษสุดให้แก่มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ทุกคัน

 
พวงมาลัยของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่บ่งบอกถึงความเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่นด้วยลวดลายจาก
การพิมพ์แบบสามมิติ หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้ nappa ตัดกับตะเข็บสีแดง ตรงกลางมีชิ้นส่วนเหล็กบ่งบอกตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการขึ้นรูปทีละชิ้นส่วนแบบ Additive Manufacturing แป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัยเป็นการนำเหล็กมาขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีพิมพ์       แบบสามมิติเช่นกัน บนพื้นผิวของแป้นเปลี่ยนเกียร์แต่งแต้มด้วยโลโก้ GP และลวดลายรวงผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์ ในบริเวณห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำเป็นหลัก เพิ่มสีสันด้วยโลโก้ GP สีแดงบนพื้นพรมและลายเส้นคู่บนหัวเกียร์ รวมทั้งโครงเหล็กอลูมิเนียมด้านหลังเบาะที่นั่งในสีแดง Chili Red ซึ่งได้รับการติดตั้งเพื่อป้องกันสัมภาระจากหลังรถไหลลื่นมาด้านหน้าในกรณีที่เบรกกระทันหัน

 
ระบบความบันเทิงมาพร้อมระบบ MINI Connected เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ผลการขับขี่เฉพาะรุ่นของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ปรากฎบนจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลความละเอียดสูงขนาด 5 นิ้ว แสดงความเร็วในการขับขี่ทั้งแบบตัวเลขและเข็มวัด รวมทั้งแสดงผลการขับขี่ในโหมด GP ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร

 
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ได้มาถึงประเทศไทย 5 คันแรก จากทั้งหมด 30 คัน ที่ราคา 4,200,000 บาท ซึ่งรวมถึงแพ็คเกจพิเศษ MSI 10/100 ครอบคลุมระยะเวลาบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง และสำหรับอีก 25 คัน จะพร้อมส่งมอบภายในปี 2563 โดยสามารถติดตามข้อมูลได้ทาง www.facebook.com/MINI.Thailand/  


 

 



 

# # #

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก 

ในปี พ.ศ. 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 1.2% และมอเตอร์ไซค์ 175,000 คันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 5.8% จากปีก่อนหน้า กลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) เติบโตขึ้น 2.2% จากยอดการส่งมอบ 145,815 คันในปีที่ผ่านมา โดยมียอดส่งมอบทั้งหมดจนถึงปี 2562 รวมแล้วกว่า 500,000 คันทั่วโลก โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 133,778 คนทั่วโลก 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย  

สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล 

ในปี 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยสถิติส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 12,954 คัน โดยมินิ ประเทศไทยได้สร้างสถิติยอดการเติบโตที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดมินิทั่วโลก ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ 1,204 คัน เพิ่มขึ้นถึง 15% จากปีก่อนหน้า ส่วนเซกเมนต์รถหรู ที่ขับเคลื่อนด้วยยอดขายจากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 8 บีเอ็มดับเบิลยู X7 และบีเอ็มดับเบิลยู i8 เติบโตโดยรวมที่ 39% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานแล้วภายใต้โปรแกรม BMW Premium Selection มีอัตราการเติบโตที่ 16% เมื่อเทียบปีต่อปี 

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 15 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 และ บีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269
www.bmw.co.th      
www.mini.co.th      
www.bmw-motorrad.co.th       

สื่อมวลชนติดต่อ  บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
ปวริศา ธนวจีรัณ (08-6564-4726 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 125)
พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, pthanawajeran@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้