เปิดตัวในไทย! Mitsubishi Xpander HEV (Minorchange 2026) ปรับโฉม เพิ่มฟีเจอร์ ไฮบริดเต็มระบบ พร้อมราคาใหม่

Last updated: 26 พ.ย. 2568  |  151 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เปิดตัวในไทย! Mitsubishi Xpander HEV (Minorchange 2026) ปรับโฉม  เพิ่มฟีเจอร์  ไฮบริดเต็มระบบ พร้อมราคาใหม่

Mitsubishi เปิดตัว Xpander HEV รุ่นปรับโฉมปี 2026 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมยกระดับทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี ความปลอดภัย และขุมพลังไฮบริดเต็มระบบ โดยเปิดราคาเริ่มต้น 939,000 บาทสำหรับรุ่น Xpander HEV และ 969,000 บาทสำหรับรุ่น Xpander Cross HEV ผลิตจากโรงงานแหลมฉบัง จ.ชลบุรีเหมือนเดิม และมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเพียง 6,000–8,000 บาทแลกกับออปชันใหม่ทั้งคัน

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมการรับประกันแบบจัดเต็ม ทั้งรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันระบบไฮบริด 5 ปีไม่จำกัดระยะ และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีไม่จำกัดระยะ เรียกว่าใช้ยาวๆ แบบหายห่วง

การปรับโฉมครั้งนี้เริ่มตั้งแต่ภายนอกด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายรมดำแบบ Smoke Chrome มือจับประตูภายนอกปรับเป็นสีเดียวกับตัวรถ และภายในเปลี่ยนเป็นโทนสีใหม่ ดำ–น้ำตาล พร้อมหน้าจอกลางแบบสัมผัส 10 นิ้วดีไซน์ใหม่ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เพิ่มความทันสมัยขึ้นอีกระดับ

ด้านระบบความปลอดภัย Mitsubishi ใส่ชุด DIAMOND SENSE มาให้ครบยกชุด ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนมุมอับสายตา BSM ระบบเตือนมุมอับขณะถอยหลัง RCTA ระบบเตือนออกนอกเลน LDW ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน LCA และรุ่น Cross ยังเพิ่มกล้องรอบคัน 360 องศามาให้ด้วย พร้อมอัปเกรดถุงลมนิรภัยเป็น 6 ตำแหน่ง



ระบบขับเคลื่อนเป็นหัวใจใหม่ที่น่าสนใจที่สุด โดยใช้เทคโนโลยี HEV e:MOTION ซึ่งผสานเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร รหัส 4A92 แบบ MIVEC ให้กำลัง 95 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกันแบบ Full Hybrid พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.1 kWh และเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 เร่ง 0–100 km/h ได้ใน 9.7 วินาที และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ถึง 19.2 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดกว่ารุ่นเดิมชัดเจน

มิติตัวรถยังคงความเป็น MINI MPV 7 ที่นั่งเช่นเดิม ความยาว 4,595 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,750 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,775 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 195 มม. ส่วนรุ่น Cross เพิ่มขึ้นเป็น 205 มม. เพื่อให้พร้อมกับการใช้งานแบบลุยมากขึ้น



ภายในยังคงเน้นฟังก์ชันครบแบบครอบครัว ทั้งเบาะหนังแบบ Heat Guard มาตรวัดดิจิทัล Full Digital TFT 10 นิ้ว ระบบปรับอากาศพร้อมหน้าจอแบบดิจิทัล ช่องแอร์ในเพดานแถวหลัง กระจกไฟฟ้าพร้อมระบบ One-touch สำหรับคนขับ กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทางหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนัง ปุ่มสตาร์ท ระบบกุญแจ Smart Key ระบบ EPB พร้อม Auto Hold และที่ชาร์จไร้สาย

ระบบความบันเทิงจัดเต็มด้วยหน้าจอสัมผัส 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย มี Bluetooth ช่อง USB หน้า 1 ช่อง และช่องสำหรับผู้โดยสารหลังแบบ Type A และ Type C รวมถึงช่องชาร์จ 12V หน้าและหลัง และลำโพงจำนวน 6 ตำแหน่ง

เบาะนั่งทั้งสามแถวรองรับผู้โดยสารได้ครบ 7 ที่นั่ง แถวที่ 2 สามารถแยกพับ 60:40 ปรับเอนได้ เลื่อนหน้า–หลังได้ และยังพับทบเพื่อให้เข้าแถวสามได้ง่าย แถวที่ 2 และ 3 สามารถพับราบทั้งหมดเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ ส่วนเบาะแถวสามแยกพับ 50:50 ปรับเอนได้หนึ่งระดับ

ด้านระบบความปลอดภัยมีทั้ง ABS, EBD, BA, ASC, TCL, HSA, ESS ระบบล็อคประตูอัตโนมัติ AYC ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยครบทั้ง 7 ที่นั่ง จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX ระบบกุญแจ Immobilizer สัญญาณกันขโมย และกล้องถอยหลัง

สำหรับรุ่น Xpander Cross HEV จะเพิ่มดีไซน์แบบ Cross รอบคัน ทั้งล้ออัลลอยดีไซน์ Cross กระจังหน้า กันชนหน้า–หลัง สเกิร์ตข้าง แถบตกแต่งประตู คิ้วซุ้มล้อสีดำ กระจกมองข้างสีดำ ราวหลังคา และยกความสูงใต้ท้องรถเป็น 205 มม. มีเบาะหนังทูโทนใหม่ และเพิ่มสีพิเศษ Green Bronze หลังคาดำ เป็นสีเอกลักษณ์ประจำรุ่น

สีตัวถังมีทั้งหมด 4 สี โดยรุ่น Xpander HEV มีสีขาว Diamond White หลังคาดำ สีเงิน Blade Silver และสีเทา Graphite Grey ส่วนรุ่น Xpander Cross HEV มีสีเทา Graphite Grey สีดำ Jet Black Mica สีขาว Diamond White หลังคาดำ และสีเขียว Green Bronze หลังคาดำที่เพิ่มมาใหม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้