มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ และ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ประกาศเปิดตัวแคมเปญ KUB-DEE-DAI-DEE (ขับดีได้ดี) อย่างเป็นทาง

มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ และ Honda จับมือกับกรุงเทพมหานคร เปิดตัวแคมเปญ “KUB-DEE-DAI-DEE ขับดีได้ดี” อย่างเป็นทางการในไทย พร้อมยกแนวคิด “ทำดีได้ดี” มาตีความใหม่ให้เข้ากับพฤติกรรมบนท้องถนน เป้าหมายคือพาสังคมไทยไปสู่วันที่อุบัติเหตุเป็นศูนย์ ผ่านการสร้างวัฒนธรรมขับขี่ที่ดีแบบเริ่มได้จากตัวเราเอง

ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นจากกรอบความร่วมมือ Tateshina Meeting ระหว่างอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง TMF และ Honda นำองค์ความรู้ด้านความปลอดภัยจากญี่ปุ่นมาปรับใช้ในไทย โดยมองว่าแม้เมืองไทยจะพัฒนาเร็ว แต่ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนยังสูง โดยเฉพาะกลุ่มรถจักรยานยนต์และคนรุ่นใหม่ ทำให้ต้องมีวิธีใหม่ๆ ที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิม และขยับใจคนให้เปลี่ยนพฤติกรรมได้จริง

แคมเปญนี้เริ่มต้นด้วยการมอง “การขับขี่ปลอดภัย” ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็น “การทำดี” ที่ส่งผลดีต่อทั้งตนเองและคนรอบข้าง ทั้งสององค์กรตั้งใจสื่อสารผ่านออนไลน์และคอนเทนต์ในโลกโซเชียล เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ขณะที่กรุงเทพมหานครเองก็เข้ามาช่วยกระจายข้อมูลผ่านสื่อในเครือ พร้อมเตรียมเชื่อมกิจกรรมเข้ากับชุมชนท้องถิ่นในอนาคต เพื่อให้เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่แตะได้ในชีวิตประจำวันของทุกคน

ในส่วนภาพลักษณ์ของแคมเปญ TMF และ Honda ดึงศิลปินรุ่นใหม่ ‘สราวุธ พานนู’ มาร่วมสร้างงานศิลปะที่ผสมความเป็นไทยกับความร่วมสมัย สื่อสารแนวคิด “ทำดีได้ดี” แบบจับต้องง่าย และบนเว็บไซต์ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ “KUB-DEE-DAI-DEE Generator” ที่ให้ผู้ใช้เลือกพฤติกรรมขับดีที่อยากโฟกัส แล้วสร้างวอลเปเปอร์หรือคลิปสั้นในสไตล์ตัวเองเพื่อนำไปแชร์ต่อ เป็นเหมือนการประกาศเจตนารมณ์ว่าฉันจะเป็นคนขับดีในแบบของฉัน ซึ่งก็เข้ากับยุคที่คนอยากแสดงจุดยืนเรื่องดีๆ บนโซเชียล

ตั้งแต่พฤศจิกายน 2025 แคมเปญนี้จะเริ่มเดินเกมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ผ่านทั้งโซเชียลบรรดาสื่อกลางแจ้ง และสื่อของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มกว้างที่สุด และหลังจากวัดผลระยะแรก ก็มีแผนจะขยายร่วมกับโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และมูลนิธิฮอนด้าในปี 2026 เพื่อดันเรื่องความปลอดภัยทางถนนให้เป็นวาระระดับประเทศ

เสียงจากแต่ละองค์กรก็ชัดเจนในทิศทางเดียวกัน ทั้งผู้ว่าฯ ชัชชาติที่ย้ำว่า กรุงเทพฯ พร้อมสนับสนุนเต็มที่เพราะความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของเมือง ไปจนถึงตัวแทน TMF และ Honda ที่มองว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ และการที่ผู้ใช้ถนนมีน้ำใจต่อกัน จะนำไปสู่สังคมที่อุบัติเหตุลดลงจริง

ภาพรวมทั้งหมดเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนด้านความปลอดภัยบนถนนในไทย เพราะที่ผ่านมาแคมเปญจำนวนมากเน้นการสั่งสอน แต่ครั้งนี้พยายามเปลี่ยน “มุมมอง” ของคนขับ ให้รู้สึกว่าเวลาที่เราเว้นระยะห่าง ตรวจจุดอับ หรือชะลอให้รถจักรยานยนต์ นั่นคือการทำความดีที่เกิดขึ้นทุกวัน และส่งผลดีให้สังคมรอบตัวแบบจับต้องได้

ถ้าทำต่อเนื่องและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้จริง นี่อาจเป็นหนึ่งในแคมเปญที่เปลี่ยนวัฒนธรรมการขับขี่ของไทยได้มากที่สุดในรอบหลายปีเลยครับ