Last updated: 27 ส.ค. 2568 | 294 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อเร็วๆ นี้ Nissan ปิดฉากการผลิต R35 GT-R หลังโลดแล่นบนถนนและสนามแข่งมานานถึง 18 ปี คันสุดท้ายที่หลุดออกจากสายการผลิต Tochigi เป็นรุ่นพิเศษ GT-R Premium Edition T-Spec ทาสี Midnight Purple ซึ่งเตรียมส่งถึงลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น — ตลาดสุดท้ายที่ยังรับออร์เดอร์ นับรวมกันแล้ว Nissan ผลิต R35 ราว 48,000 คันตลอดช่วงอายุของรุ่นนี้
หัวใจของ R35 ตลอดก็คือเครื่อง VR38DETT ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และที่สะท้อนความประณีตคือเครื่องยนต์ทุกรุ่นถูกประกอบด้วยมือโดยทีมช่างชำนาญหรือที่เรียกกันว่า Takumi จำนวนแค่ 9 คนที่โรงงานโยโกฮาม่า พร้อมแผ่นป้ายสลักชื่อตัวช่างติดกับชุดกำลัง นอกจากนั้นระบบขับเคลื่อนแบบ all-wheel-drive Attesa ET-S ก็เป็นหนึ่งในความลับที่ช่วยให้ GT-R ชนะใจทั้งบนถนนและสนามแข่ง
สเปกและพัฒนาการของรถเดินหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป รุ่นแรกของ R35 เปิดตัวด้วยกำลังประมาณ 473 แรงม้า แต่ผ่านการพัฒนาในช่วงหลายปีจนรุ่นที่อัพเดตสุดท้ายมีราว 562 แรงม้า ส่วนเวอร์ชันโหดอย่าง Nismo ก็ก้าวไปถึงราว 600 แรงม้า แถม GT-R ยังเป็นรถที่เขย่าเวลาบน Nürburgring จากราว 7:38 นาทีในช่วงแรก เหลือเพียง 7:08.679 นาทีในปี 2013 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นทางวิศวกรรมอย่างชัดเจน
ตลอดเวลาที่อยู่บนท้องถนน R35 ไม่ได้เป็นแค่รถโชว์สถิติ มันลงแข่งจริงและเก็บชัยในรายการสำคัญทั้ง Super GT (ทั้งคลาส GT500 และ GT300), Blancpain GT Series Pro-Am, ชัยชนะใน Bathurst 12 ชั่วโมง และผลงานในรายการ Super Taikyu — ทำให้ภาพลักษณ์ “Supercar Killer” ไม่ได้มาจากการตลาด แต่จากการพิสูจน์บนสนามจริง
ด้านอนาคต Nissan เองก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าอยากให้ชื่อ GT-R กลับมา แต่จะกลับมาแบบไหนยังไม่ตัดสินใจแน่นอน Ivan Espinosa ซีอีโอบอกว่านี่ไม่ใช่คำอำลาแบบถาวร แต่เป็นการหยุดรอวันที่จะนำตรา GT-R ไปไว้บนรถที่ “พิเศษจริงๆ” สำหรับคนที่ติดตามข่าวมีทั้งแนวคิดจากคอนเซ็ปต์ Hyper Force ที่ชี้ไปทางพลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรีแบบ solid-state แต่เสียงจากทีมพัฒนาบางส่วนก็ไม่ได้ปิดประตูไฮบริด — แปลว่าทางเลือกทั้ง EV หรือไฮบริดยังมีความเป็นไปได้ ขึ้นกับว่าทาง Nissan จะตัดสินใจอย่างไรภายใต้สภาพเศรษฐกิจและความคาดหวังของลูกค้า
ท้ายที่สุด R35 คือบทเรียนและมรดกทางวิศวกรรมที่ Nissan บอกว่าจะหยิบไปใช้ในรถรุ่นถัดไป เรียกได้ว่าแม้เราจะปิดฉากรุ่นนี้แล้ว แต่สิ่งที่มันสอนทั้งด้านวิศวกรรม การขับขี่ และจิตวิญญาณของ GT-R จะถูกนำไปต่อยอด แน่นอนว่าช่วงที่รอคอยอาจยาว แต่สำหรับคนที่รัก GT-R วันนี้ยังพอมีสิ่งให้ปลอบใจ — รถที่อยู่ในมือคุณคือชิ้นส่วนของตำนาน และเมื่อ Godzilla กลับมา มันจะต้องมาแบบไม่ธรรมดา