Last updated: 14 ก.ค. 2568 | 41 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากปล่อยทีเซอร์และคอนเซ็ปต์ให้สาวก Hyundai N ปั่นความหวังเล่นกันมานานถึง 3 ปี ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราจะได้เห็นเวอร์ชันโปรดักชันของ Ioniq 6 N แบบตัวเป็นๆ กันเสียที แถมไม่ได้แค่ตั้งโชว์เฉยๆ แต่ซัดขึ้น Hillclimb ให้ดูด้วยนะว่าเจ้านี่ "มาเพื่อขับ" จริงๆ ไม่ได้มาแค่หล่อ
หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะมั้ย? ถ้ามองเผินๆ อาจคิดว่าแค่แต่งหล่อเฉยๆ แต่จริงๆ แล้ว Hyundai เล่นใหญ่มาก ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่หมด กันชนหน้าดีไซน์เฉพาะสาย N ช่องดักลมขยายใหญ่ขึ้น สเกิร์ตข้างดำเงา กระจกข้างคาร์บอน ซุ้มล้อโป่งจัดทรงเต็มพิกัด พร้อมปีกหลังทรง swan-neck ที่โคตรหล่อและโคตรดุดัน เป็นครั้งแรกที่รถ N Production ได้ใช้ดีไซน์นี้แบบเต็มตัว เสริมด้วยสีใหม่ Performance Blue Pearl ที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลัง
ขุมพลังล่ะ? ก็จัดเต็มไม่แพ้หน้าตา เพราะใต้ท้องรถคือแบตเตอรี่ขนาด 84.0 kWh ที่ขับเคลื่อนมอเตอร์คู่ หน้า-หลัง ด้านหน้าจ่ายกำลัง 223 แรงม้า (166 kW) ด้านหลังอีก 400 แรงม้า (298 kW) รวมเบ็ดเสร็จ 601 แรงม้า (448 kW) แต่ยัง...ถ้าเปิดโหมด N Grin Boost จะดันแรงม้าขึ้นไปได้อีกเป็น 641 แรงม้า (478 kW) นาน 10 วินาที
ตัวเลขสมรรถนะก็โหดสมชื่อ N:
0-100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที (แบบไม่ใช้ rollout)
ความเร็วสูงสุด 257 กม./ชม.
เร็วกว่า Ioniq 5 N เล็กน้อย และสูสีกับ Tesla Model 3 Performance แบบเวอร์ชันยุโรปเลยทีเดียว
ระบบขับเคลื่อน? มาครบเหมือนใน Ioniq 5 N ทั้งแพลตฟอร์ม E-GMP 800V ชาร์จ DC ได้สูงสุด 350 kW จาก 10% ไป 80% แค่ 18 นาที, ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ขั้นเทพ, ระบบ N Torque Distribution กระจายแรงบิดอิสระหน้า-หลัง ปรับได้ถึง 11 ระดับ และระบบ N Battery Preconditioning ที่อุ่นแบตล่วงหน้าตามโหมดขับขี่ได้
แต่ของเล่นที่แฟน N ต้องรักหัวปักหัวปำ ก็คือ:
N Active Sound+ เสียงเสมือนที่ออกจากลำโพงทั้งในและนอกห้องโดยสาร ปรับได้ 3 โปรไฟล์ (Ignition, Evolution, Supersonic)
N e-Shift จำลองการเปลี่ยนเกียร์ 8 จังหวะแบบออโต้ มีเสียง-แรงสะท้อนมาเต็มเหมือนใช้เกียร์จริง
N Drift Optimizer ดริฟต์ได้ง่ายขึ้นด้วยระบบช่วยคุมแรงบิดและน้ำหนักพวงมาลัย
N Pedal โหมดเร่งแบบ aggressive เพื่อเร่งทันใจโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งหนัก
N Launch Control และโหมด Race Track เฉพาะทางสำหรับคนสายสนาม
สิ่งใหม่สุดที่ไม่เคยมีในรถ N รุ่นไหนมาก่อน คือ N Ambient Shift Light ไฟเปลี่ยนสีในห้องโดยสารเพื่อบอกจังหวะ “เปลี่ยนเกียร์” ตามโหมด N e-Shift ยิ่งขับ ยิ่งอิน!
ช่วงล่างใหม่หมด ปรับจูนมาให้แน่นและเฟิร์ม แม้รถจะหนักเอาเรื่อง แต่ควบคุมได้มั่นใจ พร้อมยาง Pirelli P Zero 5 ไซซ์ 275/35 R20 รอบคัน เบรกหน้าใหญ่เบิ้ม 400 มม. แบบ 4 พอต
ห้องโดยสารก็ไม่น้อยหน้า พวงมาลัยทรงใหม่ปุ่ม N ครบ เบาะบัคเก็ตเฉพาะรุ่น N แป้นเหยียบดีไซน์เฉียบ และที่เด็ดคือมี ฐานสำหรับติด GoPro ที่เพดานรถ เอาไว้ถ่ายคลิปตอนซิ่งแบบไม่ต้องโมดิฟายเองเลย
ยังไม่มีราคาประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับระยะทางวิ่งต่อชาร์จ แต่คาดว่าตัวเลขจะอยู่ใกล้เคียงกับ Ioniq 5 N ที่วิ่งได้ราว 350-400 กม. WLTP
สรุปเลยว่า Hyundai Ioniq 6 N ไม่ได้มาแค่แรง แต่มาเพื่อ "ขับมันส์" ของจริง ไม่ใช่แค่รถ EV ทำตัวแรงๆ แต่คือ performance car ที่ใส่ใจฟีลลิ่งทุกเม็ด!