Rimac Nevera R อสูรกายไร้เสียงที่เร็วที่สุดในโลก กด Koenigsegg Jesko จนหายใจไม่ทัน!

ในโลกของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ไม่มีใครแรงเกิน Rimac และตอนนี้พวกเขากลับมาทวงบัลลังก์คืนอย่างยิ่งใหญ่ กับ Nevera R เวอร์ชันที่โหดยิ่งกว่ารุ่นเดิมทุกมิติ ทั้งแรงขึ้น เบาขึ้น เกาะถนนขึ้น และเร็วกว่าเดิมแบบไม่มีใครทัน ล่าสุดคว้าสถิติใหม่ระดับโลก 0-400-0 กม./ชม. ด้วยเวลาสุดบ้าคลั่งเพียง 25.79 วินาที ทวงแชมป์คืนจาก Koenigsegg Jesko Absolut ที่เคยแซงหน้าไปในปีที่แล้วได้อย่างสวยงาม

ย้อนกลับไป Nevera รุ่นเดิมเคยทำสถิติไว้ที่ 29.93 วินาที แซงหน้า Agera RS เมื่อปี 2019 แต่ Jesko Absolut ก็แซงอีกทีที่ 27.83 วินาที จนล่าสุด Nevera R มาล้มทุกอย่างด้วยตัวเลขใหม่ที่เร็วแบบไม่เผื่อใจ นี่คือการฉีกกฎของรถไฟฟ้าแบบไม่ต้องพึ่งเครื่องยนต์สันดาปอีกต่อไป

ขุมพลังของ Nevera R คือมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวที่ปรับจูนใหม่จนดันแรงม้าขึ้นไปที่ 1,989 แรงม้า แรงบิดทะลุโลก พร้อมปรับลดน้ำหนักลงอีก 35 กก. จากรุ่นมาตรฐาน ใช้ยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 เป็นมาตรฐาน และอัปเกรดแอโรไดนามิกให้สร้างดาวน์ฟอร์ซเพิ่มขึ้น 15% โดยเฉพาะปีกหลังขนาดใหญ่ที่ดูดรถแนบกับพื้นราวกับรถแข่ง Le Mans ขับใช้งานจริงได้ทุกวันแต่พุ่งแซงเครื่องบินเจ็ทได้สบาย ๆ

ตัวเลขสมรรถนะก็ไม่ใช่แค่ดี — แต่มันเร็วแบบทะลุมิติ 0-60 ไมล์/ชม. ใช้เวลาแค่ 1.66 วินาที, 0-100 กม./ชม. ที่ 1.72 วินาที, 0-100 ไมล์/ชม. ที่ 2.96 วินาที, 0-200 กม./ชม. ที่ 3.95 วินาที, 0-300 กม./ชม. ที่ 7.89 วินาที และพีคสุดคือ 0-400 กม./ชม. ที่ทำได้ในเวลาเพียง 17.35 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นปกติถึง 3.96 วินาที — เร็วจนถนนอาจไม่พอให้มันวิ่งแล้วด้วยซ้ำ!

ความเร็วสูงสุดของมันคือ 431.45 กม./ชม. หรือ 268.2 ไมล์/ชม. ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าบนโลกใบนี้ และมันไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขโชว์ แต่เกิดจากการพัฒนาแบบจริงจังโดยทีมงาน Rimac ที่กล้าท้าทายทุกข้อจำกัดของฟิสิกส์

Mate Rimac ผู้ก่อตั้งกล่าวว่า “ตอนเราสร้าง Nevera รุ่นแรก ทุกคนคิดว่านี่คือจุดสูงสุดของไฮเปอร์คาร์แล้ว แต่มาวันนี้ Nevera R ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นไปอีกขั้น ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า แต่ยังคงความสบายและใช้งานได้จริงแบบที่รถคันอื่นให้ไม่ได้”

Nevera R ผลิตจำกัดแค่ 40 คันทั่วโลก นี่คือรถไฟฟ้าที่เปลี่ยนจาก “ทางเลือกใหม่” สู่ “ราชันของความเร็ว” อย่างแท้จริง — และไม่ว่า Koenigsegg, Bugatti หรือใครก็ตาม ก็คงต้องเหลียวมองมันจากท้ายรถเท่านั้น