Last updated: 5 มิ.ย. 2568 | 289 จำนวนผู้เข้าชม |
Pininfarina Battista Novantacinque ไม่ได้เป็นแค่รถไฟฟ้าที่เร็วที่สุดคันหนึ่งในโลก แต่มันคือบทสรุปของแนวคิด ศิลปะ และความทะเยอทะยานที่สะสมมาตลอด 95 ปีของแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งเรื่องความงาม
หลายคนรู้จัก Pininfarina จากการเป็นผู้ออกแบบ Ferrari รุ่นคลาสสิกในอดีต เป็นเบื้องหลังของเส้นสายที่ถูกยกย่องว่า "งามที่สุดในโลกยานยนต์" แต่เมื่อปี 2019 พวกเขาตัดสินใจก้าวขึ้นมาสร้างรถของตัวเอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Battista
มันไม่ใช่แค่รถคันแรงเพื่อโชว์ตัวเลข แต่มันคือโปรเจกต์ที่รวมเอาศาสตร์การออกแบบชั้นสูง เทคโนโลยีล้ำยุค และจิตวิญญาณของแบรนด์ที่สร้างมานานเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
และตอนนี้... ก็ถึงเวลาที่จะปิดฉากมันอย่างสมศักดิ์ศรี Novantacinque คือชื่อของคันสุดท้ายในสายการผลิต Battista คำว่า “Novantacinque” แปลว่า “95” ในภาษาอิตาเลียน และมันไม่ได้ตั้งชื่อเล่น ๆ แต่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง 95 ปีของ Pininfarina อย่างตั้งใจในทุกตารางนิ้ว รถคันนี้ถูกเผยโฉมครั้งแรกที่ Museo Nazionale dell’Automobile ในเมืองตูริน อิตาลี ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่แค่สถานที่จัดแสดง แต่คือ “พิพิธภัณฑ์ของเวลา” ที่เชื่อมอดีตกับอนาคตในโลกของรถยนต์
รายละเอียดภายนอกที่มากกว่าความสวยงาม
คาร์บอนไฟเบอร์เคลือบแดง (Red-Tinted Exposed Carbon Fiber) คือผิววัสดุจริงที่ไม่ถูกปกปิด สีแดงโปร่งให้เห็นเนื้อแท้ของคาร์บอนอย่างตั้งใจ เสริมด้วยการใช้สีทอง "PURA Vision Gold" ในจุดที่เลือกมาอย่างชาญฉลาด — ขอบล่างของสปอยเลอร์หลัง, เส้นข้างตัวรถ, และตรา ‘95’ ที่อยู่หลายจุดรอบตัวรถ
ล้อเป็นล้อขัดเงา (Polished Wheel Finish) ที่ออกแบบเฉพาะ พร้อมดีเทลสีดำด้านใน สวมด้วยยางสมรรถนะสูง Michelin Pilot Sport Cup 2 ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นองค์ประกอบที่ “เงียบ แต่เฉียบขาด”
ห้องโดยสาร: ความละเอียดในพื้นที่ส่วนตัว
ด้านในคือการผสมผสานวัสดุระดับสูง Black Leather และ Alcantara สีดำ ตัดเย็บด้วยด้ายสีทองละเอียดจนเหมือนงานหัตถกรรม มีโลโก้ ‘95’ ปักบนแผ่นรองเข่า พื้นผิวภายในตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบซาติน อะลูมิเนียมชุบด้าน และอะไหล่บางชิ้นที่ผ่านการ anodize สีทองและดำ
มันไม่ใช่ห้องโดยสารที่พยายามดึงดูดสายตา แต่มันสื่อถึงความมั่นใจของผู้ครอบครอง — คนที่ไม่ต้องแสดงออก แต่เข้าใจดีว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในอะไร
ขุมพลังที่นิ่ง... แต่รุนแรง
ภายใต้รูปลักษณ์เรียบหรูคือขุมพลังที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ Rimac Nevera — แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 4 ตัว แยกแต่ละล้อ กำลังสูงสุด 1,900 แรงม้า แรงบิด 1,696 lb-ft หรือประมาณ 2,300 นิวตันเมตร
ตัวเลข 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 1.89 วินาที ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา และทำได้โดยไม่มีเสียงคำรามหรือกลิ่นน้ำมันสันดาป
มันเร็ว... แต่เงียบ
มันแรง... แต่ไม่ต้องอวด
และมันสวย... แบบที่ไม่ต้องมีคำบรรยาย
Pininfarina ปิดฉาก Battista ด้วยรถคันที่เป็นมากกว่าแค่ "คันสุดท้าย"
Paolo Dellachà ซีอีโอของแบรนด์กล่าวว่า: “Battista Novantacinque คือตัวแทนของความหรูหราและสมรรถนะระดับสูงสุด มันคือบทสรุปของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเรา”
มันจึงไม่ใช่แค่บทสรุปของไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า แต่มันคือบทกวีของการออกแบบ ที่ขับเคลื่อนได้จริง และบรรจุเรื่องราวไว้ในทุกระนาบของตัวถัง สุดท้าย รถคันนี้จะไม่ถูกผลิตซ้ำมันจะไม่มีรุ่น "รีสต๊อก" และจะไม่มีใครมีมันได้มากกว่าหนึ่งคนบนโลก มันคือจุด Full Stop ของ Battista และเป็นจุดเริ่มต้นของบทต่อไปที่ Pininfarina ยังไม่ได้เปิดเผย