Last updated: 2 ต.ค. 2563 | 1344 จำนวนผู้เข้าชม |
เป็นเวลา 35 ปี มาแล้วที่ชื่อของ M3 ได้โลดแล่นบนเส้นทางรถยนต์สมรรถนะสูงที่ถอดแบบจากรถแข่งในสนามสู่ถนน ได้รับการตอบรับจากสาวกทั่วทุกมุมโลกเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามมาทุกเจนเนอเรชั่น
The New M3
The New M4
มาวันนี้ BMW ได้ฤกษ์เปิดตัวทายาทสานต่อความแรงลำดับล่าสุดพร้อมๆกัน 2 รุ่น มันคือ The New M3/M4 ในรหัส G80 และ G82 ตามลำดับมีให้เลือกทั้งรุ่นธรรมดา 480 แรงม้า และ 510 แรงม้าในรุ่น Competition และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ M3/M4 ที่สามารถเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ M xDrive ได้ด้วย!
M3/M4 ใหม่อัพเกรดเครื่องยนต์มาใช้บล็อกใหม่หมดในรหัส S58 แบบ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร M TwinPower Turbo ที่ใช้เทอร์โบคู่แบบ mono-scroll ที่คอยอัดอากาศเข้าสูบที่ 1-3 และ สูบที่ 4-6 ตามลำดับ ลดอุณหภูมิไอดีก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยอินเตอร์คูลเลอร์แบบอากาศ ใช้เวสเกตที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถสั่งปิดได้รวดเร็วซึ่งจะทำให้การตอบสนองของอัตราบูสท์ทำได้รวดเร็วกว่าระบบเดิมๆ ปรับปรุงระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ที่ให้แรงอัดสูงมากถึง 350 บาร์ ทำให้ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องจุดระเบิดได้เร็วมากขึ้นใช้เวลาน้อยลงให้ความแม่นยำสูง ด้วยดีไซน์ไตคู่หน้าที่มีขนาดใหญ่นอกจากจะดูสวยเท่โดดเด่นกว่าทุกเจนแล้ว มันยังให้ประโยชน์อย่างมากในการดักอากาศมาเป่าหม้อน้ำไหลไปเป่า Oil Cooler ลดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง และ Oil Cooler ลดอุณหภูมิน้ำมันเกียร์อีกด้วย วิศวกร M Motorsport ปรับแต่งชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องบล็อก S58 ให้เป็นเครื่องระดับขึ้นหิ้ง โดยนำเทคโนโลยีการผลิตสุดไฮเทคจากวงการมอเตอร์สปอร์ตมาถ่ายทอดล้วนๆ สามารถผลิตชิ้นส่วนข้อเหวี่ยงแบบไร้แขนที่มี่โครงสร้างปิดเป็นชิ้นเดียวที่สามารถทนแรงกระทำได้สูงมาก ทนทานต่อสภาวะเร่งรอบเครื่องสูงๆได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเพิ่มกำลังอัดในห้องเผาไหม้ได้สูงขึ้นโดยที่ยังไม่อำลาโลกไปก่อนได้ ผนังห้องเผาไหม้พ่น wire-arc เคลือบผิวไว้ทั้งหมดทำให้เกิดความหล่อลื่นสูง ลดแรงเสียดทานและลดน้ำหนักไปในตัว เพลาข้อเหวี่ยงพิเศษที่ผลิตด้วยกรรมวิธี Forged ถูกเสริมให้เหนียวขึ้นทนทานต่อสภาวะเร่งรอบสูงได้ดีสามารถรองรับช่วงแรงบิดสูงๆได้นาน ทนทานต่อสภาวะลากรอบสูงสุดได้สบายซึ่งเป็นนิสัยเฉพาะตัวของเครื่องยนต์บล็อกนี้ที่รอบจัดจ้าน ลากรอบได้สูงเหมือนเครื่องยนต์ NA ส่วนลูกสูบได้นำเทคโนโลยี 3D Printing มาใช้ ทำให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆในการหล่อลูกสูบเพราะเทคนิคนี้สามารถสร้างลูกสูบให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิมได้ด้วยการสร้างช่องระบายความร้อนของหัวลูกสูบได้จากภายใน ทำให้เครื่องบล็อกนี้รีดแรงม้าได้สูงถึง 480 hp ที่ 6,250 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 550 Nm ที่เริ่มให้ใช้ตั้งแต่ 2,650 – 6,130 รอบ/นาที (สำหรับรุ่นธรรมดา M3/M4) จะสังเกตได้ว่าแรงบิดสูงสุดมาให้ใช้ในรอบต่ำและพีคอยู่อย่างนั้นยาวจนถึง 6,130 รอบ/นาที คือดึงยาวตั้งแต่ต้นยันปลายแบบแรงดีไม่มีตก แถมแรงม้าสูงสุดมาในช่วงต่อจากนั้นอีกมันคือคาร์แร็กเตอร์เครื่องยนต์รอบจัดที่ลากรอบได้มันส์อารมณ์ตามสไตล์เครื่องยนต์ M Power อันทรงพลัง ส่วนในรุ่น Competition จะโหดกว่านี้อีกเพราะแรงม้าสูงสุดทำได้ถึงระดับ 510 hp ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดเพิ่มเป็น 650 Nm (เพิ่มขึ้น 100 Nm) มาให้ใช้ที่รอบเครื่องระหว่าง 2,750-5,500 รอบ/นาที และสามารถลากรอบเครื่องชนเรดไลน์ได้สูงสุดที่ 7,200 รอบ/นาที กันเลยนะ!! จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic ที่ส่งกำลังได้สมูทและเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วส่งต่อกำลังไปยังเฟืองท้ายแบบ M Differential ที่ควบคุมการตัดต่อกำลังไปยังล้อขับเคลื่อนด้วยอิเล็กทรอนิกส์
อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม สำหรับ M3 และ M4 รุ่นพื้นฐานทำได้ 4.2 วินาที 0-200 กม/ชม ภายใน 13.7 วินาที อัตราเร่งแซงในช่วงความเร็วปานกลาง 80-120 กม/ชม ทำได้ 4.1 วินาที (ในเกียร์ 4 ) ส่วนในรุ่น Competition อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ทำได้ 3.9 วินาที 0-200 กม/ชม 12.5 วินาที อัตราเร่งแซงช่วงความเร็วปานกลาง 80-120 กม/ชม ทำได้ 2.6 วินาทีเท่านั้น! (ในเกียร์ 4) ส่วนระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกแบบขับหลัง และขับ 4 ล้อ M xDrive ที่ให้ยึดเกาะถนนสูงกว่ามั่นใจกว่าระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบดั่งเดิม แต่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ 4WD/ 4WD Sport/ 2WD เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ นอกจากนี้ทั้ง M3/M4 ได้รับการปรับแต่งให้พวงมาลัยไฟฟ้าเพิ่มฟีดแบคส่งผ่านถึงมือคนขับมากขึ้น เลี้ยวได้เฉียบคม บังคับควบคุมทิศทางได้แม่นยำกว่ารุ่นก่อน แถมแปรผันน้ำหนักตัวพวงมาลัยทำให้ใช้แรงน้อยลงทำให้ขับได้สบายไม่เมื่อยล้าอีกด้วย
The New M3
นับเป็นความเก๋าสุดๆของค่าย BMW ที่ยังให้ทางเลือกลูกค้าสามารถเลือกสั่งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดได้ (สามารถเลือกได้เฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น) เป็นหนึ่งเดียวในตลาดเมื่อเทียบคู่แข่งในเซกเมนท์เดียวกันที่ยังคงมีทางเลือกเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รับรองได้เลยว่าเกียร์ธรรมดา 6 สปีดจะมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรถกับคนขับได้ยอดเยี่ยมชนิดที่เกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ไม่มีวันให้ได้! แถมเกียร์ธรรมดา 6 สปีดลูกนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีฟีเจอร์ไฮเทคที่ช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์ทำได้ง่าย รวดเร็ว และแม่นยำสูงสุดไร้ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงที่คนขับต้องเปลี่ยนเกียร์เองอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่นในช่วงตบเกียร์ลงต่ำหลังจากเบรกหนักจากทางตรงก่อนเข้าโค้งระบบ GSA (Gear Shift Assistant) จะทำให้ตบเกียร์ลงต่ำได้รวดเร็ว แบบไม่มีเข้าเกียร์วืดแน่นอน!
ครั้งแรกที่ M3/M4 ได้รับการติดตั้งฟังค์ชั่นควบคุม Traction Control ได้ 10 ระดับโดยคนขับสามารถเลือกปรับระดับการควบคุม DSC ได้ 10 ระดับอย่างละเอียดเป็นครั้งแรก ใครอยากสนุกให้ท้ายกวาดออกกี่องศา มากหรือน้อยก็สามารถปรับได้เองตามความถนัดกันแล้ว! และอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ติดตั้งให้ M3/M4 เป็นครั้งแรกคือ ฟังค์ชั่นปรับน้ำหนักแป้นเบรกที่เลือกได้ 2 ระดับ Comfort หรือ Sport ในโหมด Comfort จะมีระบบช่วยผ่อนแรงกดแป้นเบรก ทำให้ลดภาระคนขับไม่ต้องออกแรงกดเบรกมาก เพื่อการขับขี่เดินทางไกลจะลดการเมื่อยล้า ในทางกลับกันในโหมด Sport ระบบจะปรับน้ำหนักแป้นเบรกที่ให้อารมณ์เหมือนเบรกรถแข่ง ที่ต้องใช้แรงกดจากน้ำหนักเท้าเต็มที่ กดแรงเท่าไหนเบรกกัดจานเท่านั้น มันจะให้อารมณ์การควบคุมน้ำหนักที่แม่นยำสูงสุดแบบที่ Purist ต้องการ
The New M4
รวมไปถึงการปรับแต่งระบบกันสะเทือนใหม่หมดที่เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนสูงขึ้นกว่าเดิมควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ล้อและยางของ M3/M4 จะใช้ขนาด หน้า 18” หลัง 19” ขนาดยาง 275/40ZR18 หน้า 285/35 ZR19 หลัง สำหรับรุ่นธรรมดา และจะใช้ขนาด หน้า 19” หลัง 20” รัดด้วยยาง 275/35 ZR19 หน้า 285/30 ZR20 หลัง สำหรับรุ่น M3/M4 Competition โดยจะเริ่มออกขายพร้อมกันเลยทั้ง 2 รุ่น M3/M4 ที่สามารถเลือกได้เลยว่าจะจัดรุ่นธรรมดา 480 ม้า หรือ 510 ม้าในรุ่น Competition ออกขายมีนาคมปีหน้าแต่จะเป็นเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังนะ ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive จะต้องรอถึงช่วงเดือน ก.ค. ปีหน้านู้น แฟนๆชาวไทยทราบแล้วเตรียมวางจองได้เลย!
The New M3
The New M4